องค์กรต้านโกงชี้คนทำผิดมักติดสินบนเสมอ สงสัย “เปรมชัย” ต่อสายหาใครคุยเรื่องอะไร

โดย ACT โพสเมื่อ Apr 30,2018

- - ขอบคุณข้อมูลจาก มติชน - -

กก.ปฏิรูปสิ่งแวดล้อมชงสกัดหมู่บ้านป่าแหว่ง 2 ให้มีกก.นโบบายป่าไม้แห่งชาติดูแลพื้นที่ป่า อธิบดี-ผู้ว่าฯต้องรับผิดชอบหากพื้นที่ป่าหายเจอ 157 องค์กรต้านโกงชี้คนทำผิดมักติดสินบนเสมอ สงสัย “เปรมชัย” ต่อสายหาใครคุยเรื่องอะไร

เมื่อวันที่ 27 เมษายน ที่หอศิลปวัฒนธรรม กทม. ชมรมนักเรียนทุนเล่าเรียนหลวง จัดเสวนา “เสือดำและเรื่องที่ใหญ่กว่าเสือดำ” โดยนพ.รังสฤษฏ์ กาญจนะวณิชย์ หมอนักอนุรักษ์ กล่าวว่า คนไทยยังไม่รู้คุณค่าของทรัพยากรธรรมชาติและสัตว์ป่าของไทยดีพอ เมื่อมีกระแสการฆ่าเสือดำ คนบางกลุ่มออกมาโต้มาก็แค่เสือตัวเดียว ทั้งที่ไม่รู้ว่าเสือดำ 1 ตัวมีผลต่อระบบนิเวศอย่างไรบ้าง ซึ่งไม่ใช่เสือดำแต่สัตว์ป่าของไทยถูกล่าอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นนกเงือก ช้าง ตัวลิ่น หมี สัตว์ป่าทุกตัวย่อมมีความสำคัญต่อระบบบนิเวศน์ธรรมชาติ ทุกอย่างย่อมเกื้อกูลกัน มนุษย์เหมือนผู้ป่วยที่อยู่ในห้องไอซียู แต่พยายามถอดสายช่วยชีวิต โดยไม่รู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมีความสำคัญ

นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ รองประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า สำหรับกรณีเสือดำขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาตามกระบวนการยุติธรรม แต่สิ่งที่คณะกรรมการปฏิรูปฯ กำลังดำเนินการคือ การปรับแก้กฎหมายเพิ่มโทษคนล่าสัตว์ป่าที่ผิดกฎหมายให้มีโทษสูงขึ้น และลดความขัดแย้งระหว่างคนและสัตว์ป่า นอกจากนั้นในแผนปฏิรูปฯ 5 ปี ของคณะกรรมการปฏิรูปฯ ซึ่งต้องเร่งดำเนินการอย่างเร่งด่วนในช่วง 1-2 ปีนี้ สิ่งสำคัญคือ จะรักษาพื้นที่ป่าที่มีอยู่ร้อยละ 32 ของพื้นที่ประเทศไว้ได้อย่างไร โดยจากนี้จะต้องมีคนรับผิดชอบในเรื่องพื้นที่ป่าที่สูญหายไป ทั้งระดับพื้นที่ประเทศและระดับจังหวัด ซึ่งขณะนี้ประเทศไทยมีพื้นที่ป่าสมบูรณ์อยู่ 102 ล้านไร่ มีหน่วยงานรับผิดชอบผิดชอบจำนวน 7 กรม ใน 6 กระทรวง

“จากนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องมีการลงนามร่วมกันเพื่อดูแลรักษาป่าที่เหลืออยู่ร่วมกัน โดยอธิบดีแต่ละกรม เช่น กรมป่าไม้ กรมอุทยานฯ กรมธนารักษ์ และผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ที่มีป่าไม้จะต้องรับผิดชอบในเรื่องการบุกรุกและการเข้าใช้ประโยชน์ต่างๆ ในพื้นที่ที่ยังมีสภาพเป็นป่า ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ในความรับผิดชอบของกรมธนารักษ์ หรือ กระทรวงมหาดไทย ซึ่งจะต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการนโยบายป่าไม้แห่งชาติ เป็นผู้พิจารณา ซึ่งจะทำให้เกิดกรณีในลักษณะบ้านพักตุลาการ จ.เชียงใหม่ หรือหมู่บ้านป่าแหว่ง ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ง่ายๆ อีกต่อไป และหากพื้นที่ป่าถูกบุกรุกหรือถูกใช้ประโยชน์อย่างไม่เหมาะสมผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมีความผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 157 ทั้งนี้ยังต้องเร่งปฏิรูปในเรื่องสวนป่าเศรษฐกิจการรักษาแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ การอนุรักษ์ดินและน้ำ และความมั่นคงทางทะเล เป็นต้น โดยทั้งหมดนี้จะต้องมีการปรับปรุงกฎหมายกว่า 30 ฉบับ ซึ่งเป็นเรื่องที่คณะกรรมการปฏิรูปจะต้องเร่งขับเคลื่อนกอย่างเร่งด่วนต่อไป”นายธีรภัทร กล่าว

นายมานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการองค์การต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) กล่าวถึงความล้มเหลวของการอนุรักษ์ที่เกี่ยวเนื่องกับการคอร์รัปชั่นว่า ระบบราชการไทยส่วนใหญ่ผูกพันกับนักการเมือง เพื่อให้ตนเองอยู่ในตำแหน่งที่มีอำนาจ ขณะเดียวกันนักการเมืองก็จะเลือกข้าราชการที่ฟังคำสั่งด้วยเช่นกัน อย่างกรณีคดีนายเปรมชัย กรรณสูต เข้าไปล่าเสือดำในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าได้ เริ่มต้นมาก็จากอดีตข้าราชการที่ได้รับคำสั่งจากนาย เพื่อเอื้ออำนวยความสะดวกให้นายเปรมชัยเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ขณะเดียวกันข้าราชการในพื้นที่ก็คงไม่คาดคิดว่าคนอย่างนายเปรมชัย ที่มีตำแหน่งใหญ่โตและมีชื่อเสียงจะมาล่าสัตว์เช่นนี้ จากนั้นเมื่อเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย เราก็ยังได้ข่าวถึงการเอาผิดราชการ ทั้งหัวหน้าเขตฯ ที่ละเว้นไม่เก็บค่าธรรมเนียมมีบทลงโทษภาคภัณฑ์กับตำรวจร้อยเวรที่รับคดีการทารุณกรรมสัตว์ป่า เนื่องจากไม่มีบทกฎหมายรองรับไว้ ขณะที่นิด้าโพลเผยว่า คนไทยร้อยละ 68.88 ไม่เชื่อมั่น รัฐบังคับใช้กฎหมายเท่าเทียมกัน กรณีเปรมชัยเข้าป่าล่าสัตว์

“คนทำผิดมักสอดแทรกสินบนหรือสินน้ำใจเสมอ อย่างกรณีที่นายเปรมชัย ออกมาพูดว่าได้โทรศัพท์ไปยังทุกกรมทุกกระทรวงและมีคนเห็นใจ ผมก็สงสัยว่านายเปรมชัยจะโทรไปยังกรมกระทรวงเรื่องอะไรกันแน่ การทำธุรกิจใหญ่ๆได้อย่างยั่งยืนต้องพูดถึงความรับผิดชอบทางสังคม มิฉะนั้นภาพลักษณ์ที่ออกมา คือเป็นผู้บริหารที่หลอกลวง” นายมานะกล่าว

เลขาธิการองค์การต่อต้านคอร์รัปชั่น กล่าวอีกว่า คนส่วนใหญ่ในสังคมเมื่อพูดถึงคอรัปชั่น มักจะพูดว่าไม่เป็นไรใครๆก็ทำทำแล้วคุ้ม มีปัญหาเดี๋ยวคุยกันได้ เป็นต้น หากปัดความรับผิดชอบด้วยความคิดแบบนี้ จะทำให้สังคมและปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นไม่หมดไป อย่างการจัดเวทีแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ตนมองว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะจะเป็นกระบอกเสียงให้สังคมอย่านิ่งเฉยกับเรื่องแบบนี้